หน้าแรกLifestyleเสริมเสน่ห์ด้วยทริคง่ายๆ

เสริมเสน่ห์ด้วยทริคง่ายๆ

“จิตวิทยา” นั้นเป็นศาสตร์อันน่าทึ่งที่คนธรรมดาอย่างเราๆ ก็สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งในเรื่องความรัก การทำงาน การเข้าสังคม ฯลฯ ซึ่งถ้าเรารู้จักหลักการมันจริงๆ แล้วนำมาใช้ได้ถูกต้องเหมาะสม ก็จะสามารถเพิ่มเสน่ห์ให้เราได้ บทความนี้เราได้รวบรวมทริคแนวจิตยาว่าด้วยการเพิ่มเสน่ห์ โดยไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์ หรือสายมู มาฝากกันค่ะ

ยิ้ม 0.5 วิ

การยิ้มนอกจากจะทำให้เราดูมีความสุขแล้ว ยังทำให้มีความสุขขึ้นจริงๆโดยไปกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนแห่งความสุข และมีข้อดีสำคัญคือ สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้อย่างง่ายอีกด้วย
มีงานวิจัยที่ชี้ว่า การยิ้มนานอย่างน้อย 0.5 วินาทีให้กับผู้อื่นในแต่ละครั้ง ทำให้ดู “จริงใจ” และมีเสน่ห์มากกว่าการยิ้มแบบรีบหุบยิ้ม (0.1 วินาที) มาก ที่น่าสนใจคือ นอกจากการยิ้มแล้ว การเอียงศีรษะเล็กน้อยยังมองดูน่าไว้ใจและมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่มีข้อควรระวังคือ ต้องเอียงไปทางด้านขวามือของตัวเองเท่านั้น!

วิธีการแบบ เบนจามิน แฟรงคลิน

มีวิธีการแบบหนึ่งที่ผู้ค้นพบ ได้แก่ เบนจามิน แฟรงคลิน หนึ่งในบิดาแห่งสหรัฐอเมริกาและผู้รอบรู้ในสารพัดวิชา ครั้งหนึ่งเขาทดลองเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างบุคคล แล้วพบเรื่องน่าประหลาดใจว่า คนเรามักจะมีธรรมชาติที่ชอบคนที่ตัวเองสามารถช่วยเหลือได้

ในทางตรงกันข้ามคือ หากใครที่เรามีปฏิสัมพันธ์หรือช่วยเหลืออะไรด้วยไม่ได้ เรามักจะไม่ค่อยชอบหรืออยากสนิทสักเท่าไหร่ คำแนะนำสำหรับสร้างเสน่ห์แรกพบก็คือ อาจจะขอให้คนผู้นั้นทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้สักอย่าง เช่น หยิบของส่งให้ หรือหยิบยืมบางอย่างที่ไม่ชวนให้ลำบากใจ เช่น ยืมปากกา หรือแม้แต่ขอความคิดเห็นในเรื่องบางเรื่อง กลเม็ดแบบนี้เรียกว่า “วิธีการแบบเบนจามิน แฟรงคลิน”

เท้าและตา สื่อความหมาย

เท้า ของคู่สนทนาก็ช่วยสื่อความหมายบางอย่างกับเราได้ หากต้องยืนคุยกับใครสักคน ลองมองตำแหน่งเท้าของคู่สนทนา ข้อสังเกตก็คือ หากเขาหรือเธอหันหน้า หันตัว มาคุยด้วย (แบบเอี้ยวตัวเล็กน้อย) แต่ปลายเท้ายังยื่นไปทางอื่น ไม่หันมาทางคุณ ก็แสดงนัยยะว่าคนผู้นั้นยังไม่สนใจจะคุยกับเราในขณะนั้น

 ดวงตา เป็นหน้าต่างของหัวใจ ประโยคสุดคลาสสิก ที่ยังคงใช้ได้มาจนถึงปัจจุบัน การสื่อสารกันด้วยดวงตาอาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน สายตาที่ดึงดูดสาวๆ หรือหนุ่มๆ ต้องเป็นสายตาแบบไหน? หลายคนคงสงสัย

อันดับแรกเราขอโฟกัสที่สีสันของดวงตากันสักหน่อยค่ะ เพราะการใช้ดวงตาในการสื่อสารสิ่งต่างๆ ให้คนอื่นได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ต้องการส่งไป เป็นความสำคัญอย่างยิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้

ดังนั้น เวลาที่เรากำลังสนทนากับใครอยู่นั้น ให้คุณลองสบตา และสังเกตถึงสีในแววตาเขาเหล่านั้น เช่น ดวงตาเริ่มแดงอาจจะสื่อถึงอารมณ์ที่อ่อนไหว ดวงตาที่สีเข้มขึ้นและเปล่งประกาย หมายถึงอารณ์ที่พลุ่งพล่านและความคิดสร้างสรรค์กำลังเกิดขึ้น นอกจากนั้นการสังเกตดวงตายังเป็นการบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่า คุณใส่ใจที่จะสบตาเขามากแค่ไหนอีกด้วย 

นอกจากนี้ในทางจิตวิทยามีการศึกษาเยอะเรื่องการส่งสายตา โดยพบว่าสาวๆ จะประเมินหนุ่มที่กล้าสบตาว่า เป็นคนมีความมั่นใจในตัวเอง แต่ลักษณะการมองก็มีความสำคัญ หากมีลักษณะจ้องมองเขม็งหรือจ้องนานๆ แบบไม่เลิก อาจทำให้รู้สึกกลัวหรือถูกขมขู่อยู่ แทนจะทำให้รู้สึกว่ากำลังสนใจอยู่

คำแนะนำคือ สายตาที่เหมาะสมจะส่งไปคือ สายตาที่เป็นมิตร นุ่มนวล และอบอุ่น สายตาแบบนี้ดูได้จากการส่องกระจกแล้วลองยิ้ม สายตาแบบนั้นแหละที่ต้องส่งให้บรรดาเป้าหมายของเรา จัดเป็น ตาที่ยิ้มได้

กฎ 2 วินาที

อีกข้อที่สำคัญ ฝรั่งเค้าเรียกว่าเป็น “กฎสองวินาที”  คือ หากจ้องมองไปทางใครคนใดแล้วคนคนนั้นยอมสบตาด้วย 1-2 วินาที ก่อนจะหันไปทางอื่น แล้วหันกลับมาสบตาอีกครั้ง ก็แสดงว่า “ประตูใจ” เปิดออกแล้วค่ะ

จะเห็นได้ว่าหลักจิตวิทยานั้นอยู่กับเราในชีวิตประจำวันทั้งนั้น เพราะแบบนี้จึงมีคนหลายคน มักนำเทคนิคพวกนี้มาใช้ประโยชน์ด้านการเจรจาผลประโยชน์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งการเข้าทำความรู้จักใครสักคนอีกด้วยค่ะ

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

Most Popular